หลังจากฝึกสำเร็จหลักสูตร “การโดดร่มแบบกระตุกเอง” จาก บก.สอ.บช.ตชด.หรือ “ตำรวจพลร่ม ค่ายนเรศวร” รับประกาศนียบัตร ไปเมื่อ 9 ส.ค. 2553 แล้ว ผมคิดว่าคงมีโอกาสริบหรี่ที่จะได้มีโอกาสโดดร่มดิ่งพสุธาท้าทายความกล้าและความสูงอีก
แต่แล้วโอกาสอันริบหรี่ที่ว่านั้นก็วิ่งกระโจนเข้ามาหาผมอย่างไม่คาดฝัน เมื่อ “น้าบัง” น้าชายผมซึ่งเป็นทหารรบพิเศษ และเป็นนักกีฬาโดดร่มแบบกระตุกเอง หรือดิ่งพสุธา ของกองทัพบก ทราบข่าวว่า ผมเพิ่งฝึกสำเร็จหลักสูตร จึงโทรมาชวนไปโดดร่มดิ่งพสุธาร่วมกับพี่ ๆ น้อง ๆ ทหาร ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี ซึ่งมักจะมีฝึกซ้อมโดดร่มฯ กันที่นี่เป็นประจำ และในวันที่ 19 ก.ย. 2553 จะมีการฝึกซ้อมโดดร่มฯ กันอีก เพื่อไปโดดโชว์เชื่อมความสัมพันธ์กับชาวบ้านในพิธีเปิดงานแข่งขันกีฬาตำบลที่ ร.ร.บ้านมะหุด ต.ประโด อ.มายอ จ.ปัตตานี ด้วยอารามดีใจ ผมรีบตอบตกลงน้าบังไปทันทีโดยไม่ชักช้า
19 ก.ย. 2553 (แห้วรับประทาน)
ราว ๆ 9 โมงเช้า ผมขับรถไปที่ค่ายอิงคยุทธบริหารตามลำพัง (โทรชวนเพื่อน กับน้อง ๆ คนอื่น ๆ แล้ว ไม่มีใครว่าง) ไปถึงสนามโดด ดีใจมากได้พบ “พี่หน่อย” กับ “พี่แจ็ค” นายทหาร จปร. เป็นนักเรียนเตรียมทหาร รุ่นพี่ผม 1 ปี แต่เรียนเสธ ทบ.รุ่นเดียวกัน ทักทายกันเล็กน้อยตามประสาพี่น้อง “น้าบัง” เตรียมร่มสำหรับโดดมาให้ผมเรียบร้อยแล้ว ผมจะได้โดดในเที่ยวบินที่ 2
หลังจากนำร่มมาแต่งตัวเสร็จก็เกิดความรู้สึกตื่นเต้น ประหม่ากล้า ๆ กลัว ๆ ขึ้นมาอย่างกระทันหัน แต่จะให้หันหลังกลับ เปลี่ยนใจไม่โดดตอนนี้ก็คงไม่ได้แล้ว (เดี๋ยวจะเสียชื่อไปถึงครูบาอาจารย์ที่ค่ายนเรศวรหมด) ในที่สุดผมก็ขึ้นโดดเที่ยวบินที่ 2
เมื่อเฮลิคอปเตอร์ไต่ความสูงขึ้นไปจนถึงระดับ 8,000 ฟิต สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิที่ลดลงจนรู้สึกเย็นยะเยือก ขณะที่ผมกำลังจะเตรียมตัวโดด อนิจจา !! ฝาปิดร่มบนหลังผมดันไปเกี่ยวเข้ากับผนังของเฮลิคอปเตอร์ ทำให้สลักร่มหลุุด แพ็คร่มแตกกระเด็นออกมา นักโดดคนอื่นโดดลงไปจนหมด เหลือผมคนเดียว ด้วยความกลัวว่าร่มจะปลิวหลุดออกไปนอกเครื่องผมเลยนั่งทับแพ็คร่มเอาไว้ เมื่อเฮลิคอปเตอร์ร่อนลงถึงพื้น ผมต้องเดินลงจากเฮลิคอปเตอร์ด้วยความอดสูและเซ็งสุดขีด
“น้าบัง” ปลอบใจผมด้วยการจัดเที่ยวบินใหม่ให้ผมขึ้นโดดอีกในเที่ยวบินที่ 5 แต่ปรากฎว่า พอเที่ยวบินที่ 4 โดดเสร็จ นักบินลงมาแจ้งนักโดดฯ ว่า “น้ำมันหมด” ผมก็…อิอิ.. ^^ แห้วรับประทาน
หน.หวัง (ตท.27) กำลังสรุปผลหลังการฝึกซ้อมโดดร่มในวันนี้
แต่โอกาสของผมยังไม่หมดเสียทีเดียว เพราะพรุ่งนี้จะมีการโดดร่มฯ โชว์ชาวบ้านในพิธีเปิดงานแข่งขันกีฬาตำบลที่ ร.ร.บ้านมะหุด ต.ประโด อ.มายอ จ.ปัตตานี (ผมยังลังเลใจว่าจะไปร่วมโดดฯ ดีหรือไม่)
20 ก.ย. 2553 (ครั้งแรกกับการโดดเฮลิคอปเตอร์)
เมื่อวานเกิดอาการเซ็งสุดขีดหลังจากที่ขึ้นเครื่องแล้วแต่ไม่ได้โดด วันนี้ตอนแรกกะจะไม่มาแล้ว เพราะประหม่าที่จะโดดร่มฯ ต่อหน้าคนจำนวนมาก กลัวจะผิดพลาดท่ามกลางสายตาประชาชี แต่เมื่อวานผมดันลืมกระเป๋ากล้องถ่ายรูปไว้ทีศาลาข้างสนามโดดฯ พี่หน่อยกรุณาเก็บไว้ให้เพราะจำได้ว่าผมใช้กระเป๋ากล้องใบนี้ตั้งแต่เป็นนักเรียนเสธ ทบ. วันนี้ก็เลยกะว่าจะมารับกระเป่ากล้องถ่ายรูปคืน แต่ว่า ไหน ๆ ก็มาแล้วเลยชวน “เจ้าเหม่ง” นรต.61 รุ่นน้องผม แต่เรียนหลักสูตรการโดดร่มแบบกระตุกเองรุ่นเดียวกัน มาเป็นเพื่อนด้วย (เผื่อใจเล็ก ๆ ว่าจะได้โดดฯ)
บ่ายของวันที่ 21 ก.ย. 2553 ผมขับรถไป ร.ร.บ้านมะหุด ต.ประโด อ.มายอ จ.ปัตตานี กับ “เจ้าเหม่ง” ไปถึง ร.ร.บ้านมะหุด ก็พบกับเด็ก ๆ และชาวบ้านมาร่วมงานหลายร้อยคนวันนี้ “น้าบัง” เตรียมร่มมาให้ผมเหมือนเดิม แถมเตรียมร่มมาให้ “เจ้าเหม่ง” อีก 1 ร่มด้วย
ผมกับเจ้าเหม่งจะได้โดดเที่ยวบินที่ 3 เที่ยวเดียวกับน้าบัง
เมือถึงเวลา นักโดดฯ เที่ยวบินแรก นั่งโดยสารมาพร้อมเฮลิคอปเตอร์จากค่ายอิงคยุทธบริหาร มาโดดลงที่สนามโดดฯ ที่ความสูง 8,000 ฟิต จากนั้น เฮลิคอปเตอร์ก็ร่อนลงมาจอดที่สนามโดดรับนักโดดฯ เที่ยวบินที่ 2 ขึ้นไปโดด
นี่แหละครับ เฮลิคอปเตอร์แบบฮิวอี้ลำนี้ ที่นำผมขึ้นไปโดดดิ่งฯ ลงมา
เมื่อถึงคิวเที่ยวบินที่ 3 นักโดดฯ เดินขึ้นเครื่องฯ ที่เพิ่งร่อนลงมา เที่ยวบินนี้มีนักโดดฯ 8 คน ผมจะโดดลงเป็นคนที่ 7 ส่วนเจ้าเหม่งโดดคนสุดท้าย เมื่อนักบินนำเครื่องบินขึ้น อารมณ์ความรู้สึกแบบเดียวกันกับเมื่อวานก็แว่บเข้ามารบกวนจิตใจผมอีกแล้ว หัวใจเริ่มเต้นไม่เป็นจังหวะ ตึ้ก ๆ ตั้ก ๆ มองลงไปที่พื้นข้างล่างหลังคาบ้านเล็กลงเรื่อย ๆ รู้สึกเสียววูบวาบแต่ก็พยายามข่มความรู้สึกเอาไว้
นักโดดที่โดดร่วมกันในเที่ยวบินที่ 3
เมื่อเฮลิคอปเตอร์ไต่ความสูงขึ้นไปจนถึงระดับ 5,000 ฟิต (ตั้งใจไว้ที่ 8,000 ฟิต) อากาศเย็นลงเรื่อย ๆ นักบินบอกว่า ความสูงพอแล้ว นักโดดฯ กลุ่มแรกจึงจำต้องเกาะหมู่โดดลงไป 6 คน
ผมเว้นช่วงจากนักโดดคนก่อนหน้าผมประมาณ 2 – 3 วินาที แล้วก็ตัดสินใจโดดพุ่งทะยานตามออกไปทางประตูขวา ร่างลอยละลิ่วปลิวละล่องลอยไปตามแรงเฉื่อยของความเร็วเฮลิคอปเตอร์ เคว้งคว้างอยู่กลางอากาศ ผมพยายามทรงตัวอยู่ในท่า “frog” ได้อย่างมั่นคง ในช่วง 3 – 5 วินาทีแรกที่โดดออกจาก ฮ. ร่างของผมดิ่งลงมาอย่างว่างเปล่า เหมือนไม่มีอากาศรองรับ รู้่สึกเสียววาบไปทั้งตัวเหมือนจะขาดใจ แต่หลังจากนั้นเริ่มมีลมมาปะทะกับลำตัวมากขึ้น ๆ เรื่อย ๆ จนรู้สึกได้ถึงความหนาแน่นของมวลอากาศที่รองรับอยู่บริเวณด้านล่างของร่างกาย รู้สึกได้ถึงความเร็วของการตกที่มีอัตราเร่งเพิ่มขึ้น รู้สึกได้ถึงอะดรีนาลินที่แผ่ซ่านออกมาจนขนลุกซู่
“สวรรค์อยู่แค่เอื้อมจริง ๆ”
ผมเหลือบมองไปที่ “Altimeter” (เครื่องวัดความสูง) ที่ข้อมือซ้ายบ่อย ๆ เพราะรู้สึกระแวงว่าใกล้จะถึงพื้นดิน เมื่อดิ่งตกลงมาถึงความสูงประมาณ 3,500 ฟิต ผมตัดสินใจเอื้อมมือขวาไปจับ “throw away” ที่บริเวณตะโพกด้านขวาเพื่อเปิดร่ม พร้อมกับลดมือซ้ายลงมากันที่หน้าผาก ผมดึง “throw away” ออกมาโปรยทิ้งไป แล้วกลับไปอยู่ท่า frog เหมือนเดิม พอ “throw away” รับลม เป็นร่มนำดึงร่มหลักกางเต็มที่ ทิวทัศน์อันตระการตาจากมุมสูงก็ปรากฎแก่สายตาต่อมาผมจึงบังคับร่มลงสนามโดดด้วยความปลอดภัย
ในที่สุดตอนนี้ ผมก็รู้แล้ว ว่าการโดดเฮลิคอปเตอร์ให้ความรู้สึกอย่างไร…